ต่อจากครั้งที่แล้วที่ได้เล่าเกี่ยวกับการได้ไปแลกเปลี่ยนที่ไต้หวัน ผมได้เล่าไปเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมรอบๆ Asia University และการเรียน Web design สำหรับใครที่ยังไม่ได้อ่านตอนที่แล้วสามารถกลับไปอ่าน “เรียนเขียนโค๊ด @ Taiwan (Part 1)” ก่อนได้นะครับ


สำหรับครั้งนี้ ผมขอเล่าไปถึงสัปดาห์ที่สองของการเรียน Web design ที่ Asia University เช้านี้ผมตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้าเพราะเสียงเครื่องซักผ้าใกล้ๆห้องพักที่เพื่อนมาซักไว้ หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็นัดกับเพื่อนไปร้านขายอาหารเช้าที่อยู่ข้างๆวิทยาลัย ต้องขอเล่าก่อนว่าร้านขายอาหารเช้าที่ไต้หวันนั้นได้รับความนิยมสูงมากๆ เพราะส่วนมากคนไต้หวันนั้นส่วนมากมีชีวิตที่เร่งรีบ จึงมักแวะซื้ออาหารเช้ากินเสร็จแล้วรีบไปทำงานต่อ และอาหารเช้าที่ได้รับความนิยมมากๆคือโรตีไข่จิ้มนมข้นหวานกินกับน้ำเต้าหู้ร้อนๆ ถ้าได้ลองบอกได้เลยว่าคุณจะรู้สึกดีมีความสุขตลอดทั้งวันทำงานของคุณแน่นอน!


แหล่งที่มารูปภาพ https://plynoi.com/tag/เที่ยวไต้หวัน/



หลังจากที่ผมกับเพื่อนกินอาหารเช้าที่ร้านเสร็จแล้วก็ได้ขึ้นไปเรียนที่ชั้นเรียน ในสัปดาห์นี้อาจารย์สอนเกี่ยวกับการทำ Responsive และการใช้ Boostrap กับเว็บไซต์ของเรา วันนี้อาจารย์ได้เล่าให้ฟังว่า Boostrap คือ ตัวช่วยที่จะช่วยให้เราเขียน CSS น้อยลง มีตัวช่วยและเครื่องมือต่างๆที่ปกติเราต้องเขียนเองให้ใช้ฟรี เช่น ปุ่มกดบนเว็บไซต์แบบสวยๆ, Tab, Card, ตาราง และอื่นๆอีกมากมายที่แต่งมาให้แล้วแบบดูดีที่ช่วยให้เราเขียนโค๊ดน้อยลงโดยที่เว็ปดูดีมีมาตรฐาน ถ้าคุณสนใจการใช้ Boostarp สามารถเข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่ Bootstrap from w3school.com


หลังจากที่เรียนเสร็จแล้วก็พักเที่ยงพอดี อาจารย์ Edgar ก็ได้บอกว่าวันนี้ช่วงบ่ายจะพานักศึกษาทุกคนไปเที่ยวที่หมู่บ้านสายรุ้ง (Rainbow Village) เมืองไถจงเหมือนกัน จากหน้ามหาวิทยาลัย เรานั่งรถเมย์สาย 105 ประมาณ 30 นาที เพื่อไปที่สถานนีรถไฟเมืองไถจง และนั่งรถไฟ MRT ไปอีก 10 นาทีก็ถึงหมู่บ้านสายรุ้ง ณ เมืองไถจง


ผมกับเพื่อนๆถ่ายรูปกับรูปปั้นผู้อำนวยการมหาลัยก่อนไปเที่ยวกัน



หมู่บ้านสายรุ้ง (Rainbow Village) ประวัติว่าหมู่บ้านนี้นั้นเป็นหมู่บ้านทหารผ่ารศึกที่กำลังจะโดนรื้อทิ้ง แต่แล้วก็ได้ “อากงฟู” ชาวบ้านที่พักอยู่ในเมืองนี้ที่ต้องการอยากจะรักษาหมู่บ้าน เลยลงมือวาดรูปลงบนผนังบ้านและที่ต่างๆอย่างสวยงามจนนายกไต้หวันยกให้เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวและยกย่องให้ “อากงฟู” เป็นศิลปินแห่งชาตินับจากนั้นมา




หลักจากที่เราถ่ายรูปที่หมู่บ้านสายรุ้งเสร็จ ตกเย็นเราก็ไปช้อปปิ้งกันต่อที่ย่านจงอี ซึ่งเป็นย่านการค้าขนาดใหญ่ ที่นี้มีของกินที่หลากหลายมากๆ ผมกับเพื่อนๆกะว่าจะซื้อของกินและของอะไรกักตุนในหอ ผมกับเพื่อนเดินๆอยู่ซักก็เจอร้านที่น่าสนใจอยู่ร้านหนึ่งเป็นร้านสุกี้หม้อไฟที่ราคาถูกและมีคนกินเยอะมากๆ




หลักจากที่เราถ่ายรูปที่หมู่บ้านสายรุ้งเสร็จ ตกเย็นเราก็ไปช้อปปิ้งกันต่อที่ย่านจงอี ซึ่งเป็นย่านการค้าขนาดใหญ่ ที่นี้มีของกินที่หลากหลายมากๆ ผมกับเพื่อนๆกะว่าจะซื้อของกินและของอะไรกักตุนในหอ ผมกับเพื่อนเดินๆอยู่ซักก็เจอร้านที่น่าสนใจอยู่ร้านหนึ่งเป็นร้านสุกี้หม้อไฟที่ราคาถูกและมีคนกินเยอะมากๆ


ก่อนจะกลับหอผมก็ได้แวะร้านเกี๊ยวซ่าที่ขึ้นชื่อที่สุดในย่านจงอี ร้านนี้ถึงแม้จะเป็นร้านเล็กๆแต่มีคนต่อคิวกันยาวมากๆ เกี๊ยวซ่าของร้านนี้นั้นมีหลักหลายไส้ให้เลือกมากๆเช่นหมู กุ้ง ผักกุยช่าย และอื่นๆ ประมาณ 10 กว่าอย่าง รวมไปถึงน้ำจิ้มก็ยังมีทั้งสูตรหวาน สูตรเค็ม สูตรเผ็ด และสูตรเปรี้ยวให้ได้เลือกจิ้มกันได้อย่างเต็มที่ อยากบอกว่าอร่อยมากๆ เนื้อแป้งข้างนอกกรอบ ส่วนเนื้อข้างในก็นุ่มมาก ชิ้นหนึ่งยาวเกือบเท่าฝ่ามือ บอกได้เลยว่ากินซัก 5 ชิ้นก็อิ่มได้พอดี และราคาก็ถูกด้วยเพียงชิ้นละ 5 หยวน (7 บาทไทย) เท่านั้น!!




หลังจากที่ได้เรียนรู้การใช้ HTML + CSS + JavaScript และ Bootstarp CSS อาจารย์ Edgar ก็ได้ให้ทำโปรเจ็คกลุ่มสร้างเว็ปอะไรก็ได้ซึ่งกลุ่มผมก็ได้ทำเว็ปที่ให้ทุกคนมาเขียน blog ได้ บางกลุ่มก็ทำเว็ปดูหนัง หรือบางกลุ่มก็ทำเกี่ยวกับ photo gallery สรุปแล้วการที่เราได้มาเรียน Web Design ที่นี้เราได้เรียนรู้ HTML + CSS ได้เรียนรู้ว่าการออกแบบเว็ปสมัยใหม่นั้นไม่ควรใส่ตัวหนังสือเต็มหน้าจอจนคนใช้รู้สึกตาลาย และที่สำคัญคือการทำ Responsive web ที่ทำให้เว็บของเราเข้าได้กับหลายๆขนาดหน้าจอซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆสำหรับการออกแบบเว็บไซต์ในยุคนี้ หวังว่าบทความนี้จะทำให้ความรู้เพื่อนๆหรือทำให้เพื่อนๆอยากไปเที่ยวไต้หวันไม่มากก็น้อย ขอบคุณครับ