เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Android P อย่างเป็นทางการครั้งแรก Google ได้ออกมาเผยว่าหลังจากนี้ไป Android จะยิ่งฉลาดขึ้นไปกว่าเดิม ด้วยระบบ AI ที่เข้ามามีบทบาทเสริม และแน่นอนว่ามันถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่ายกว่าเดิมอีกด้วย

โดยรายชื่อ Smart Phone ที่ได้เข้าร่วมโครงการ Android P Beta มีดังต่อไปนี้

Google Pixel/XL

Google Pixel 2/XL

OnePlus 6

Essential PH-1

Xiaomi Mi Mix 2S

Sony Xperia XZ2

Nokia 7 Plus

OPPO R15 Pro

vivo X21 / X21UD

โดยแบ่งแยกเอาไว้เป็น 3 กลุ่มหลัก คือ INTELLIGENCE,  SIMPLICITY,  DIGITAL WELLBEING

 

INTELLIGENCE

ได้เวลาเปลี่ยนแปลงมือถือให้มีความฉลาดสมกับชื่อ Smart Phone ซะที เมื่อ Android P สามารถที่จะเรียนรู้รูปแบบการใช้งานของเรา และปรับสภาพการทำงานให้เหมาะสม

Adaptive Battery ใน Android P ตัวเครื่องจะทำการจำแนกแอปต่างๆ ที่ถูกใช้งานในแต่ละวันออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ Active, Working Set, Frequent และ Rare เพื่อจัดลำดับความสำคัญในการใช้พลังงาน

แอปที่ไม่ได้ถูกเรียกใช้บ่อยๆ หรือประจำก็จะถูกจำกัดการเข้าถึงพลังงาน การใช้ CPU รวมถึงการใช้ข้อมูล โดยสามารถลดภาระของ CPU ไปได้ถึง 30% แน่นอนว่าทำให้ประหยัดแบตมากขึ้น

Adaptive Brightness ระบบการปรับแสงหน้าจอแบบเดิมนั้นยังไม่ตอบโจทย์การใช้งานเท่าที่ควร เพราในบางช่วงเวลาหรือบางสถานการณ์เรายังต้องคอยเอามือไปเลื่อนปรับความสว่างเอง แต่ด้วย Adaptive brightness แบบใหม่หลังจากเรียนรู้รูปแบบการใช้งานของเราแล้ว มันก็จะปรับแสงสว่างของหน้าจอให้เหมาะสมและฉลาดกว่าเดิม ไม่ต้องมาคอยเลื่อนๆ ปรับๆ กันบ่อยๆ

App Actions เมื่อเรียนรู้การใช้งานของเราแล้ว Android P ก็จะเริ่มจำรูปแบบและคาดเดาสิ่งที่เราจะทำต่อไปได้และแนะนำแอปหรือทางเลือกอื่นให้เรา เช่นเมื่อเราเสียบหูฟัง ก็จะมีการแนะนำแอปที่เราใช้ในการฟังเพลงบ่อยๆ อย่าง Spotify, Apple Music หรือ JOOX

ซึ่งเมื่อเราเลือกแอปได้แล้วในขั้นตอนต่อไปมันจะแนะนำ Playlist ที่เราฟังประจำขึ้นมาเลย ซึ่ง App Actions นั้นจะฝังตัวอยู่ในหลายๆ ที่อย่าง Launcher, Smart Text Selection, Play Store, Google Search และ Assistant

                                      

Slices เข้ามาทำให้การเรียกใช้ฟังก์ชั่นต่างๆ ในแอปนั้นทำได้รวดเร็วขึ้น และลดขั้นตอนลงให้มากที่สุด

ยกตัวอย่างถ้าเราค้นหา Grab นอกจากชื่อแอปในเครื่องจะปรากฏขึ้นแล้ว จะมีตัวเลือกว่าจะเรียกรถไปทำงานหรือเรียกรถกลับบ้านขึ้นมาให้จิ้มได้ทันที

 

SIMPLICITY

ด้วย UI แบบใหม่ที่ใช้ระบบ Gesture เข้ามาแทนที่การกดปุ่ม เพื่อให้การขยับนิ้วมือไปมาในส่วนต่างๆ ของหน้าจอก็สามารถเปิดแอป สลับไปมาได้ในแบบที่สะดวกและง่ายขึ้น กลับหน้าโฮมด้วยการลากนิ้วขึ้นเพียงครั้งเดียว

ด้วยการปรับนหน้าตา UI ใหม่ ทำให้การเลื่อนสลับไปมาระหว่างแอปนั้นทำได้รวดเร็วขึ้น แต่สไลด์นิ้วไปทางซ้ายหรือขวา แถมยังมองเห็นแอปได้แบบเต็มๆ ไม่ซ้อนทับกันแบบเดิม นอกจากนั้นยังตั้งค่าให้ปุ่มปรับเสียงเป็นการปรับระดับเสียงของ Media ในเครื่องเป็นหลัก เพราะปกติแล้วคนเราไม่ปรับ ringtone กันบ่อยๆ นอกจากนั้นการจับภาพหน้าจอและแต่งภาพก็สามารถทำได้ง่ายกว่าเดิม

 

DIGITAL WELLBEING

เทคโนโลยีนั้นควรจะช่วยให้เราใช้ชีวิตได้สะดวกสบายมากขึ้น แต่มันไม่ควรขโมยเวลาจากการใช้ชีวิตของเราไป การใช้งานมือถือมากไปนั้นไม่ใช่เรื่องดีแน่ และเพื่อช่วยให้ทุกคนไม่ต้องมามีชีวิตติดโซเชียลกันจนเกินไป Android P จึงมาพร้อมกับฟีเจอร์เหล่านี้

Dash Board มันจะคอยเก็บข้อมูลเวลาที่เราใช้งานมือถือในแต่ละวันๆ ว่าเรานั้นหมดเวลาไปกับแอปต่างๆ เท่าไหร่ เปิดแอปไหนบ่อยและใช้เวลากับมันมากเกินไปหรือไม่ ปลดล็อคหน้าจอวันละกี่ครั้ง และมีแจ้งเตือนเด้งมาวันละกี่รอบ

App Timer หลังจากเราได้ข้อมูลจาก dashboard แล้ว เราอาจจะเริ่มสำนึกได้ว่าในแต่ละวันเราใช้เวลากับมือถือมากไปหรือไม่ ก็สามารถมากำหนดเวลาในการใช้งานแอปต่างๆ ในแต่ละวันได้ เพื่อป้องกันการวาร์ป บางทีดูซีรี่ส์เพลินๆ รู้สึกตัวอีกทีผ่านไป 3-4 ชั่วโมงแล้ว การมี App Timer มันก็จะคอยเด้งขึ้นมาเตือนหากเราใช้เวลากับแอปนี้มากเกินไป

Do Not Disturb ระบบห้ามรบกวนแบบใหม่ ที่จะปิดทุกการแจ้งเตือนทันทีเมื่อเราคว่ำหน้าจอมือถือลงบนโต๊ะ เพื่อให้คุณได้อยู่กับโลกความเป็นจริง ไม่ต้องมาคอยพะวงชะเง้อชะแง้มองมือถือ หรือสะดุ้งทุกครั้งที่มีเสียงเตือน

Wind Down เมื่อถึงเวลาพักผ่อน ต้องเข้านอนได้แล้วหลังจากเหนื่อยมาทั้งวัน หน้าจอจะถูกปรับเป็นสีขาวดำ และปิดการแจ้งเตือนทุกอย่างโดยอัตโนมัติ

ฟีเจอร์ที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของ Android P เท่านั้น จริงๆ แล้วมันยังมีฟีเจอร์ใหม่ๆ เป็นร้อยที่ถูกใส่เพิ่มเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของระบบความปลอดภัย การเข้ารหัส การป้องกันและสำรองข้อมูล

ที่มา:  www.blog.google/products/android/android-p/

 

 

 

บริษัท SC-sparksolution (www.sc-sparksolution.com) บริการรับทำ website E-commerce Application รองรับทั้ง iOS และ Android ใช้งานได้ทั้ง Smart Phone และ Tablet รับพัฒนาเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นบน iOS, Android รวมถึง Graphic Design หรือ Web Application โดยทีมงานที่มีประสบการณ์ ทำให้ธุรกิจของคุณสามารถแข่งขันในตลาดธุรกิจยุคดิจิตอลที่มีการเติบโตและแข่งขันกันสูงขึ้นในปัจจุบันได้อย่างไม่น้อยหน้าใคร เพราะ Website หรือ Application ก็เปรียบเสมือนหน้าร้านของบริษัทในโลกออนไลน์ สามารถเสริมภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทอีกด้วย หากคุณสนใจจะทำApplication หรือเว็บไซด์ให้กับบริษัทของคุณ

ติดต่อขอใบเสนอราคาได้ที่นี่ https://www.sc-sparksolution.com/price