Google ปล่อยอัปเดต Chrome เวอร์ชั่น 76 แล้ว มันมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ๆ เพียบเลย เช่น ฟีเจอร์ปิดการเรียกใช้งาน Flash แบบ Default, ฟีเจอร์ป้องกันการตรวจจับโหมดในไม่ระบุตัวตน (Incognito Mode), ฟีเจอร์เปลี่ยนหน้าเว็บไซต์เป็น Dark Mode (ตาม OS) แต่รายละเอียดจะมีอะไรบ้างนั้น มาดูกัน

ปิดการเรียกใช้ Flash Player แบบ Default

หลังจากที่ทาง Adobe ออกมาประกาศนับถอยหลังว่าจะยกเลิกการสนับสนุนและอัปเดต Flash Player ในอีกไม่กี่ปี (ราวๆ ปี 2020) Web Browser แต่ละค่ายก็เริ่มออกมาขยับตัว

Google Chrome ก็เช่นกัน ในอัปเดตเวอร์ชั่น 76 นี้ ได้ปรับเปลี่ยนการตั้งค่าให้ ปิดการเรียกใช้ Flash Player เป็นแบบ Default หรือก็คือ มันจะไม่ถูกเรียกใช้บนทุกเว็บไซต์แบบอัตโนมัติอีกต่อไป จนกว่าเราจะตั้งค่าเปิดใช้เอง

ป้องกันการตรวจจับในโหมดไม่ระบุตัวตน (Incognito Mode)

การเปิดโหมดไม่ระบุตัวตน (Incognito Mode) คือการล่องหนไปในโลกอินเทอร์เน็ต ที่ไม่ทิ้งร่องรอยและไม่สามารถตรวจจับได้ แต่ดันมีบางเว็บไซต์ที่ใช้เทคนิคพิเศษในการตรวจจับการเปิด-ปิดโหมดไม่ระบุตัวตน และทำการบล็อคผู้ชมที่เปิดโหมดที่ว่า ไม่ให้เข้าชมหน้าเว็บไซต์

อย่างไรก็ดีปัญหานี้ได้รับการแก้ไขโดย Google แล้ว ด้วยการอัปเดต Chrome 76 ที่ป้องกันไม่ให้เว็บไซต์ตรวจสอบได้ว่าผู้เข้าชมเปิดโหมดไม่ระบุตัวตนอยู่หรือไม่

เปลี่ยนหน้าเว็บเป็นโหมดกลางคืน (Dark Mode) ตาม OS

ในระบบปฏิบัติการ (OS) ไม่ว่าจะเป็น Windows หรือ macOS ก็ล้วนแล้วแต่มีโหมดกลางคืน (Dark Mode) ที่ให้ผู้ใช้เลือกเปลี่ยนเพื่อความสบายตา และใน Chrome 76 เวอร์ชั่นใหม่ ก็มีการปรับเปลี่ยนในส่วนนี้ด้วย โดยหน้าเว็บไซต์ไหนที่รองรับโหมดกลางคืน มันก็จะถูกปรับเปลี่ยนตาม OS ให้แบบอัตโนมัติ

เว็บจะบล็อคปุ่ม ESC ไม่ได้อีกต่อไป

ในการท่องเว็บไซต์มีการกดปุ่ม ESC (Escape Key) กันอยู่เป็นประจำ เช่น กดออกจากโหมดเต็มจอ (Full-screen) บน YouTube, กดปิด Pop-Up รูปภาพบน Facebook หรือ Google และในกรณีอื่นๆ

แต่ก็มีบางเว็บไซต์ที่บล็อคการกดปุ่ม ESC ทำให้กดออกจากหน้านั้นไม่ได้ ต้องเลื่อนเมาส์ไปกดปิดเอง ใน Google Chrome เวอร์ชั่น 76 มีการแก้ไขปัญหานี้แล้ว เว็บไซต์ต่างๆ จะไม่สามารถบล็อคการกดปุ่ม ESC ได้อีกต่อไป

เพิ่มหน้าส่องการทำงานของส่วนเสริม (Extensions)

ส่วนเสริม (Extensions) ถือว่าเป็นจุดเด่นจุดขายของ Google Chrome เลยก็ว่าได้ และเราก็เลือกใช้งานมันหลายตัว แต่ก็มีบางครั้งที่เราไม่รู้ว่าส่วนเสริมที่ติดตั้งไว้มีรูปแบบการทำงานยังไง

ใน Google Chrome เวอร์ชั่น 76 มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลใหม่ ในส่วนของหน้ารายการส่วนเสริม ที่เปิดให้ผู้ใช้เห็นรายละเอียดของโปรแรกม ประเภท จำนวนครั้งในการเรียกใช้งาน

ลง Progressive Web Apps ง่ายขึ้น

ปัจุบันหลายเว็บไซต์ใช้ PWAs (Progressive Web Apps) กันมากขึ้น ซึ่งมันเป็นการรวมเอาหน้า Website และ Application เข้าด้วยกัน ช่วยให้ใช้งานได้อย่างลื่นไหล เช่น วาดรูปบนเว็บฯ แปลงไฟล์ผ่านเว็บฯ ฯลฯ

แต่การใช้งานต้องติดตั้งก่อน ซึ่งต้องทำสองขั้นตอนคือ ดาวน์โหลด และ กดติดตั้ง แต่ในเวอร์ชั่น Google Chorme 76 เวอร์ชั่นล่าสุดลดเหลือขั้นตอนเดียวคือ กด Install ที่ด้านขวาบน จากนั้นมันก็จะดาวน์โหลดและติดตั้งให้อัตโนมัติ

เรียกได้ว่าการอัปเดตครั้งล่าสุดนี้ ช่วยแก้ปัญหาการใช้งานของได้หลายรายการเลย สำหรับใครที่ต้องการอัปเดตเป็นเวอร์ชั่น Google Chorme 76 ก็ทำได้โดยเข้าไปที่หน้าเมนู (Settings) จากนั้นก็เลือกหัวข้อ ช่วยเหลือ (Help) และคลิกที่เกี่ยวกับ Google Chrome (About Google Chrome) จากนั้นก็เริ่มอัปเดตได้เลย

ที่มา : www.howtogeek.com

บริษัท SC-sparksolution (www.sc-sparksolution.com) บริการรับทำ website E-commerce Application รองรับทั้ง iOS และ Android ใช้งานได้ทั้ง Smart Phone และ Tablet รับพัฒนาเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นบน iOS, Android รวมถึง Graphic Design หรือ Web Application โดยทีมงานที่มีประสบการณ์ ทำให้ธุรกิจของคุณสามารถแข่งขันในตลาดธุรกิจยุคดิจิตอลที่มีการเติบโตและแข่งขันกันสูงขึ้นในปัจจุบันได้อย่างไม่น้อยหน้าใคร เพราะ Website หรือ Application ก็เปรียบเสมือนหน้าร้านของบริษัทในโลกออนไลน์ สามารถเสริมภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทอีกด้วย หากคุณสนใจจะทำApplication หรือเว็บไซด์ให้กับบริษัทของคุณ

ติดต่อขอใบเสนอราคาได้ที่นี่ https://www.sc-sparksolution.com/price