การเปรียบเทียบระบบ ERP กับระบบธุรกิจอื่นๆ

 

           ในยุคดิจิทัล ธุรกิจต่างๆ ใช้ซอฟต์แวร์หลายประเภทเพื่อทำให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่น เพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ในบรรดาซอฟต์แวร์เหล่านี้ ระบบจัดการทรัพยากรขององค์กร (ERP) มักถูกยกย่องในด้านความสามารถที่ครอบคลุม อย่างไรก็ตาม ระบบอื่นๆ เช่น การจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) การจัดการห่วงโซ่อุปทาน (SCM) และซอฟต์แวร์เฉพาะทางสำหรับด้านการเงินหรือทรัพยากรบุคคล (HR) ก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน บทความนี้จะเปรียบเทียบระบบ ERP กับระบบธุรกิจอื่นๆ เพื่อเน้นคุณลักษณะเฉพาะ ประโยชน์ และการประยุกต์ใช้ที่เหมาะสม

 

ระบบ ERP โซลูชันที่ครอบคลุม

           ระบบ ERP รวมกระบวนการธุรกิจที่หลากหลายเข้าด้วยกันในระบบเดียวที่เป็นเอกภาพ ครอบคลุมฟังก์ชันต่างๆ เช่น การเงิน ทรัพยากรบุคคล การผลิต ห่วงโซ่อุปทาน การจัดซื้อ และอื่นๆ ข้อดีหลักของระบบ ERP คือความสามารถในการให้มุมมองที่ครบถ้วนเกี่ยวกับธุรกิจ ช่วยให้การตัดสินใจดีขึ้นผ่านข้อมูลที่ศูนย์กลางและข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์

 

ระบบ CRM มุ่งเน้นที่ความสัมพันธ์กับลูกค้า

           ระบบการจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) ถูกออกแบบมาเพื่อติดตามการมีปฏิสัมพันธ์ของบริษัทกับลูกค้าในปัจจุบันและที่มีแนวโน้ม โดยระบบ CRM จะมุ่งเน้นที่

  1. การตลาดและการขาย ทำให้กระบวนการขายมีความราบรื่นและติดตามการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า
  2. การตลาดอัตโนมัติ การจัดการแคมเปญการตลาดและวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญ
  3. การบริการลูกค้า พัฒนาการสนับสนุนและการให้บริการลูกค้า

 

ความแตกต่างที่สำคัญ

           – ขอบเขต ระบบ ERP ครอบคลุมฟังก์ชันธุรกิจที่หลากหลาย ขณะที่ระบบ CRM มุ่งเน้นที่กระบวนการที่เกี่ยวกับลูกค้า

           – การรวมข้อมูล ระบบ ERP รวมข้อมูลจากแผนกต่างๆ ในขณะที่ระบบ CRM โฟกัสที่ข้อมูลของลูกค้า

 

ประโยชน์ของระบบ CRM

           – การบริการและความพึงพอใจของลูกค้าเพิ่มขึ้น

           – ประสิทธิภาพการขายและการตลาดที่ดีขึ้น

           – การวิเคราะห์และการแบ่งกลุ่มลูกค้าที่ดีกว่า

 

ระบบ SCM การเพิ่มประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทาน

           ระบบการจัดการห่วงโซ่อุปทาน (SCM) มุ่งเน้นที่การไหลของสินค้า บริการ และข้อมูลในห่วงโซ่อุปทาน ฟังก์ชันหลักได้แก่

  1. การจัดซื้อ จัดการความสัมพันธ์กับผู้จัดจำหน่ายและกระบวนการจัดซื้อ
  2. การจัดการสินค้าคงคลัง ติดตามระดับสินค้าคงคลังและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บ
  3. โลจิสติกส์ ประสานงานการขนส่งและการกระจาย

 

ความแตกต่างที่สำคัญ

           – ขอบเขต ระบบ SCM มีความเชี่ยวชาญในการจัดการกิจกรรมห่วงโซ่อุปทาน ขณะที่ระบบ ERP ครอบคลุมกระบวนการทางธุรกิจที่กว้างกว่า

           – จุดมุ่งหมาย ระบบ SCM มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทาน ในขณะที่ระบบ ERP ให้การรวมธุรกิจโดยรวม

 

ประโยชน์ของระบบ SCM

           – ลดต้นทุนผ่านการจัดการสินค้าคงคลังและโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ

           – พัฒนาความสัมพันธ์กับผู้จัดจำหน่าย

           – เพิ่มความโปร่งใสและการควบคุมในห่วงโซ่อุปทาน

 

ระบบการเงินแบบสแตนด์อโลน การจัดการการเงินที่เฉพาะทาง

           ระบบการเงินแบบสแตนด์อโลนจะจัดการธุรกรรมและกระบวนการทางการเงินขององค์กร โดยรวมถึงฟังก์ชันต่างๆ เช่น

  1. บัญชีแผ่นดิน บันทึกธุรกรรมทางการเงินทั้งหมด
  2. บัญชีเจ้าหนี้และเจ้าหนี้ จัดการการชำระเงินเข้าและออก
  3. การวางแผนและคาดการณ์งบประมาณ วางแผนกิจกรรมทางการเงินและคาดการณ์ผลการเงินในอนาคต

 

ความแตกต่างที่สำคัญ

           – ขอบเขต ระบบการเงินมุ่งเน้นการจัดการทางการเงินเฉพาะเจาะจง ในขณะที่ระบบ ERP รวมฟังก์ชันการเงินเข้ากับกระบวนการทางธุรกิจอื่นๆ

           – การรวม ระบบ ERP มอบการรวมข้อมูลทางการเงินเข้ากับพื้นที่ธุรกิจอื่นๆ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวม

 

ประโยชน์ของระบบการเงิน

           – รายงานทางการเงินที่แม่นยำและการปฏิบัติตามกฎระเบียบ

           – การวางแผนและการวิเคราะห์การเงินที่ดีขึ้น

           – การดำเนินการทางการเงินที่มีประสิทธิภาพ

 

ระบบ HR แบบสแตนด์อโลน มุ่งเน้นที่ทรัพยากรบุคคล

           ระบบ HR แบบสแตนด์อโลนจะจัดการกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับพนักงาน เช่น

  1. การสรรหา จัดการกระบวนการการจ้างงาน
  2. การจ่ายเงินเดือน คำนวณและแจกจ่ายเงินเดือนพนักงาน
  3. การจัดการประสิทธิภาพ ติดตามประสิทธิภาพและการพัฒนาของพนักงาน

 

ความแตกต่างที่สำคัญ

           – ขอบเขต ระบบ HR มุ่งเน้นการจัดการทรัพยากรมนุษย์ ขณะที่ระบบ ERP รวม HR เข้ากับฟังก์ชันธุรกิจอื่นๆ

           – การรวม ระบบ ERP มอบแพลตฟอร์มที่เป็นเอกภาพสำหรับข้อมูล HR และธุรกิจอื่นๆ ช่วยปรับปรุงความร่วมมือระหว่างฟังก์ชัน

 

ประโยชน์ของระบบ HR

           – กระบวนการสรรหาและการเริ่มงานที่มีประสิทธิภาพ

           – การจัดการเงินเดือนที่แม่นยำ

           – การติดตามและการพัฒนาประสิทธิภาพพนักงานที่ดียิ่งขึ้น

 

บทสรุป

           ในขณะที่ระบบ ERP เสนอทางออกที่ครอบคลุมโดยการรวมฟังก์ชันทางธุรกิจที่หลากหลายเข้าด้วยกันในแพลตฟอร์มเดียว ระบบอื่นๆ เช่น CRM, SCM, ระบบการเงินแบบสแตนด์อโลน และระบบ HR มอบความสามารถเฉพาะทางที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะของธุรกิจ การเลือกระหว่าง ERP และระบบอื่นๆ ขึ้นอยู่กับความต้องการ ขนาด และอุตสาหกรรมขององค์กร สำหรับธุรกิจที่ต้องการมุมมองที่ครอบคลุมและการดำเนินงานที่รวมกัน ระบบ ERP เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม แต่สำหรับองค์กรที่มีความต้องการเฉพาะในด้านการจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า การเพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่อุปทาน หรือการจัดการการเงินและ HR อาจได้รับประโยชน์จากระบบที่เฉพาะเจาะจงในด้านนั้นๆ การทำความเข้าใจกับข้อดีเฉพาะของแต่ละระบบช่วยให้ธุรกิจสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลและนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมที่สุดมาใช้สำหรับการดำเนินงานของตน

 


 

           สำหรับท่านที่ต้องการทำ แอพ E-Commerce , App ช้อปปิ้ง หรือ แอพ Delivery แล้วล่ะก็ เราขอแนะนำ บริษัท SC-Spark Solution  บริษัท รับทำแอป เป็นบริษัทที่รับทำแอพพลิเคชั่น ที่มากประสบการณ์ โดยมีประสบกาณ์โดยตรงจาก Silicon Valley เป็นบริษัทผู้พัฒนาแอปพลิเคชั่นมากกว่า 100 บริษัททั่วโลก ทั้งแบบ Custom และ สำเร็จรูปให้คุณได้เลือกใช้ หากใครสนใจ บริการทำโมบายแอพพลิเคชั่น หรือ เว็บไซต์ สามารถติดต่อได้ที่นี่  

ติดต่อเราได้ที่

โทร : 062-974-9495

Line : @scspark

Email : [email protected]

Facebook : SC-Spark Solution บริการทำแอปพลิเคชั่น


“Nothing is impossible”