Online Marketing เป็นเทรนด์ที่หยุดนิ่งไม่ได้เลย เนื่องจาก ในปีนี้คาดว่า Online Marketing จะมีความซับซ้อน และเปลี่ยนแปลงเยอะมาก แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าท้าทายสำหรับคนทำแบรนด์ว่าจะสามารถปรับตัวให้เข้ากับตลาดในยุคOnlineนี้ได้หรือไม่ วันนี้เราจะพาไปรู้จัก 7 เทรนด์ที่จะทำให้แบรนด์ของคุณตรงใจผู้บริโภคในยุคตลาดออนไลน์
1. วิดีโอจะไร้ขีดจำกัดมากขึ้น
แพลทฟอร์มต่างๆ ทั้ง Facebook, YouTube, Instagram และ Bing ได้พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ สำหรับการทำโฆษณาวิดีโอมากมาย จึงทำให้ในปีนี้วิดีโอจะเป็นคอนเทนต์ที่สำคัญและมีอิทธิพลมาก ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้อินเตอร์เน็ตสนใจและยอมรับโฆษณาวีดีโอมากขึ้นในอนาคตเราจะเห็นโฆษณาในรูปแบบวิดีโอมากกว่าเดิม อีกทั้งคลิปการตลาดแบบViral Marketing ยังเป็นที่สนใจและนิยมนำมาใช้เป็นเครื่องมือของนักการตลาดอีกด้วย
2. แบรนด์ต้องมีแอพฯ
ตอนนี้อัตราการใช้สมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แอพพริเคชั่นอาจจะเข้ามาแทนที่เว็บไซต์ก็เป็นได้ เนื่องจากแอพฯสามารถทำได้ทุกอย่างเหมือนกับเว็บไซต์ แถมยังสะดวกสะบายง่ายต่อการเข้าถึง และสถิติคนไทยใช้อินเตอร์เน็ตบนมือถือเฉลี่ยวันละประมาณ 6 ชั่วโมง การใช้งานบนมือถือส่วนใหญ่เป็นการใช้งานผ่านแอพพริเคชั่น ซึ่งนี่เป็นเหตุผลที่คุณควรวิเคราะห์แบรนด์ของคุณว่าควรจะมีแอพฯหรือไม่ แอพฯในรูปแบบไหนเหมาะสมกับแบรนด์ของคุณ และเร่งรีบจัดทำแอพฯสำหรับแบรนด์โดยเร็วเพื่อไม่ให้แบรนด์ของคุณตกเทรนด์
3. เมื่อค้นหา ต้องเจอ!
การใช้กลยุทธ์ SEO และ pay-per-click (PPC) กำลังได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับการดึงคนเข้าเว็บ เพราะแบรนด์จะได้เจอกลุ่มผู้ที่ไม่เคยรู้จักเว็บมาก่อน ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีคนที่ชอบใช้ผู้ช่วยส่วนตัวอย่าง Siri และ Cortana เพื่อค้นหาข้อมูลบางอย่าง อย่าลืมคำนึงถึงจุดนี้ด้วย สำหรับนักการตลาดคงทราบกันดีว่าตอนนี้ จะให้ผู้บริโภคพิมพ์ชื่อเว็บเพื่อเข้ามายังเว็บไซต์โดยตรงคงเป็นเรื่องยาก เพราะคนส่วนใหญ่จะเข้าเว็บผ่าน Facebook หรือจากลิ้งก์ต่างๆ ที่พวกเขาเห็น บางครั้งอาจถึงขั้นจำชื่อเว็บไม่ได้ด้วยซ้ำแต่เมื่อพวกเขาอยากเข้า สิ่งแรกที่ทำคือ Google แล้วพิมพ์คีย์เวิร์ดอะไรสักอย่างเพื่อให้เจอเว็บของคุณ
4. สมาร์ทโฟนจะเข้ามาแทนที่เดสก์ทอป
อย่างที่กล่าวมาตั้งแต่ขั้นต้นว่าอัตราการใช้สมาร์ทโฟนของคนในปัจจุบันมีอัตตราสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเมื่อปี2015ที่ผ่านมา Google ยังได้ประกาศใช้ระบบวิเคราะห์การค้นหา หรือ อัลกอริธึม ที่มีชื่อว่า Mobilegeddon ที่มีหน้าที่คอยจัดอันดับเว็บไซด์ที่เหมาะกับการใช้งานบนอุปกรณ์พกพา ซึ่งเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะกับอุปกรณ์พกพาก็จะถูกดันอันดับไปอยู่ท้ายๆของการค้นหา ดังนั้นแบรนด์ของคุณต้องมีเว็บไซต์ที่รองรับกับทุกอุปกรณ์ และควรพัฒนาเว็บไซต์ให้รองรับกับทุกการใช้งาน เพื่อไม่ให้แบรนด์สูญเสียจำนวนทราฟฟิกเข้าเว็บนั่นเอง
5. Wearable technology และ the Internet of Things (IoT)
Wearable technology ก็เป็นเทรนด์ที่น่าสนใจในปีนี้ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบสวมใส่จะช่วยให้การใช้ชีวิตประจำวันง่ายขึ้น และปัจจุบันยังมีแนวโน้มราคาถูกลงอีกด้วย แนวคิดของ Internet of Things ที่จะเชื่อมอุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ รถยนต์ ตู้เย็น โทรทัศน์ และอื่นๆ เข้าไว้ด้วยกัน จะสามารถเชื่อมโยงและสื่อสารกันได้โดยผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ซึ่งในนอนาคตผู้บริโภคจะเริ่มคุ้นเคยกับเทคโนโลยีที่ทำให้พวกเขา สามารถควบคุมสิ่งของต่างๆ จากที่ไหนก็ได้ ซึ่งจะช่วยให้การใช้ชีวิตสะดวกยิ่งขึ้น
6. การทำโฆษณาจะมีราคาแพงขึ้น
การแข่งขันในโลกออนไลน์นับวันยิ่งมีการแข่งขันที่สูงและดุเดือดขึ้น และธุรกิจต่างๆก็ให้ความสำคัญกับตลาดออนไลน์มากขึ้น จนทำให้การทำการตลาดและการโฆษณามีมูลค่าที่สูงขึ้นตามไปด้วย
จากทั้ง 6 เทรนด์ที่นำเสนอไปนี้ แต่ละแบรนด์แต่ละธุรกิจก็มีความจำเป็นที่จะนำไปใช้ต่างกัน บางธุรกิจอาจไม่จำเป็นต้องทำแอพฯ แต่บางธุรกิจอาจจะจำเป็นมาก ก็ขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจและพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายนะครับ
แหล่งอ้งอิง : www.marketingoops.com
บริษัท SC-sparksolution (www.sc-sparksolution.com) บริการรับทำ website E-commerce Application รองรับทั้ง iOS และ Android ใช้งานได้ทั้ง Smart Phone และ Tablet รับพัฒนาเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นบน iOS, Android รวมถึง Graphic Design หรือ Web Application โดยทีมงานที่มีประสบการณ์ ทำให้ธุรกิจของคุณสามารถแข่งขันในตลาดธุรกิจยุคดิจิตอลที่มีการเติบโตและแข่งขันกันสูงขึ้นในปัจจุบันได้อย่างไม่น้อยหน้าใคร เพราะ Website หรือ Application ก็เปรียบเสมือนหน้าร้านของบริษัทในโลกออนไลน์ สามารถเสริมภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทอีกด้วย หากคุณสนใจจะทำApplication หรือเว็บไซด์ให้กับบริษัทของคุณ
ติดต่อขอใบเสนอราคาได้ที่นี่ https://www.sc-sparksolution.com/price