ทุกวันนี้จะเห็นได้ชัดเรื่องการมุ่งเน้นทำ Content ตามกระแสแบบลงวันต่อวัน ไม่ว่าจะเป็น Content จำพวก Faacebook Post หรือว่าจะเป็น Instagram Post ที่เราเห็นมากมายจนโพสต์จมลง Feed ด้านล่างไปจนคนตามเพจใหม่ๆ หาอ่านไม่ได้ แล้วก็ไม่รู้จะไปหาอ่านไปทำไมเพราะถ้ากระแสจบแล้ว คอนเทนต์เหล่านั้นก็ไม่น่าสนใจอีกต่อไปแล้ว วันนี้ SC Spark Solution บริษัทรับทำแอป จะมาเล่าให้ฟังว่า Evergreen Content นั้นเป็นเนื้อหาที่มี Value ซึ่งเนื้อหาประเภทนี้ก็จะยังสดใหม่อยู่ตลอดเวลา
เชื่อว่านักการตลาดหลายๆคนคงรู้จัก Term และเนื้อหาประเภทเอเวอร์กรีนนี้แล้ว เอาเป็นว่าขอ Recap ประมาณหนึ่งให้กับผู้ที่ยังไม่รู้จัก Evergreen Content จริงๆแล้วนั้น Evergreen Content แปลความหมายตรงตัว เหมือนกับต้นไม้ที่เขียวขจีอยู่ตลอด ถ้าเทียบกับ Content ก็เหมือนกับ Content ที่ไม่มีวันเน่าเสีย และยังมีความน่าสนใจอยู่เสมอๆไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานอต่ไหนก็ตาม
Evergreen Content มีองค์ประกอบสำคัญที่เห็นได้ชัดดังนี้
- เวลาทำอะไรไม่ได้: อย่างที่บอกว่าไม่เน่าไม่สลาย ยืนหยัดในทุกเวลา ไม่ตามกระแส ไม่อิงเทรนด์อะไรทั้งสิ้น เหมือนความรู้พื้นฐานที่ไม่ค่อยเปลี่ยนเช่น Rule of Third สำหรับช่างถ่ายภาพ หรือจะเป็นเรื่อง 5As Model ในเชิงการตลาดอย่าง Awareness / Attention / Ask / Action / Advocacyแบบนี้ก็ถือว่าเป็นอะไรที่อยู่นาน ความรู้พื้นฐานที่สดใหม่เสมอทั้งสิ้น
- มีคุณค่ามาก: นอกจากความไม่เน่า ไม่เสียแล้ว เนื้อหาประเภทเอเวอร์กรีนยังต้องมีคุณค่ามากด้วย อย่างที่เพลินบอกว่ามันคล้ายความรู้พื้นฐาน ทำให้คนอยากที่จะอ่านมันอยู่ตลอด หากเวลาผ่านไป ไม่มีใครอยากรู้เรื่องนี้ ก็ต้องปัดตกไปว่าเรื่องนั้นไม่ใช่ Evergreen Content
- ละเอียดลงลึก: เนื้อหาประเภทนี้ส่วนมากจะมีความละเอียดลงลึก ไม่สามารถหยิบเล่าแค่เพียง Facebook Caption ขนาด 3 บรรทัดได้ ดังนั้นเนื้อหาพวกนี้มักจะเจอตาม Website Blog ต่างๆ ที่เขียนลง Details เอาไว้ ใช้เวลาในการเขียนเยอะกว่าเนื้อหาที่ไม่ใช่ Evergreen หรือจะเรียกตรงข้ามกับ Evergreen ว่า Tropical Content
ทำไม Evergreen Content ถึงสำคัญ?
อ่านมาถึงตรงนี้นักการตลาดคงเริ่มเห็นภาพและเข้าใจมากขึ้นแล้วใช่ไหมคะ ต่อไปเรามาดูกันว่า แล้วเนื้อหาประเภทนี้มันสำคัญยังไง ทำไมในฐานะนักการตลาดสายคอนเทนต์ต้องให้ความสำคัญกับมันด้วยนะ?
- ช่วยกระตุ้น SEO Rankings – ด้วย Character เรื่องคุณค่าและการที่กาลเวลาทำอะไรไม่ได้ ทำให้ความต้องการของคนที่อยากจะรู้เรื่องนี้นั้นมีอยู่ตลอด ทำให้มีค่ามากในระยะยาว และเมื่อคนอยากรู้เรื่องนี้ก็จะทำการค้นหา ทำให้โพสต์เนื้อหาประเภทเอเวอร์กรีนนั้นต่อให้ลงไปหลายปีแล้ว ก็ยังมีโอกาสเยอะมากที่ยังจะขึ้น Top Search ในหน้าแรกๆ เพราะความต้องการที่เข้ามาค้นหาอยู่บ่อยครั้ง ช่วยให้ระดับ SEO ในระบบ Search Engine นั้นดีขึ้นแบบไม่ต้องซื้อโฆษณาใดๆ ดังนั้นขณะเขียนเนื้อหาประเภทนี้จึงสำคัญอย่างมากในการเลือกใช้ Keywords ที่คนจะคนหาและคอย Optimize มันตลอดเพื่อให้มั่นใจว่าคนเจอเนื้อหาความรู้นี้ของเราแน่ถ้าเค้ากำลัง Research เรื่องนี้อยู่
- ช่วยเพิ่ม Traffic – จากข้อที่แล้ว เพราะคนต้องการอยากอ่าน อยากรู้เยอะ ทำให้เนื้อหาประเภทเขียวขจีนี้นั้นถูกกดอ่านอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ Website Traffic ก็เพิ่มขึ้นด้วยตามลำดับ ยิ่งมีคนเลือกอ่านบทความความรู้ของเรามากขึ้นจน Ranking สูงขึ้นเท่าไร แนวโน้มที่คน Search หาเรื่องเดียวกันแล้วจะเลือกอ่านจากเว็บของเราก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วยจน Traffic ไหลเข้ามาเรื่อยๆ
- ช่วยเพิ่ม Leads – ยาวๆ มาจาก 2 ข้อดีด้านบน เมื่อมี Ranking ดีแล้ว Traffic ดีตามก็ย่อมนำพามาซึ่ง Leads ลูกค้า คนอ่าน คนติดตามใหม่ๆ อย่างเว็บของการตลาดวันละตอนเองก็เช่นกัน โพสต์แนวความรู้ที่ไม่มีวันสลาย ก็ได้รับ SEO ค่อนข้างดีเลย แม้จะลงไปปีที่แล้ว ปีนี้ก็ยังมีคนเข้ามาอ่านอย่างต่อเนื่องในทุกๆ วันด้วย ทำให้เพจ Facebook ของเราก็มีคนเข้ามากด Follow หรือ Like อยู่เรื่อยๆ
ความแตกต่างระหว่าง Evergreen กับ Tropical Content
นอกจาก Evergreen Content แล้วในฝั่งตรงข้ามยังมี Tropical Content อยู่ด้วย เพราะมันคือเนื้อหาที่เสื่อมสลายไปตามกาลเวลานั่นเองค่ะ ไม่ว่าจะเป็นพวกเนื้อหาจำพวกอิง Trends หรือกระแสสังคมที่ดังเพียงชั่วขณะก็ตาม เหมือนพอเวลาผ่านไปแค่ 1 อาทิตย์ก็ลืม ไม่มีใครจะมารื้อหามันมาอ่านอีกแล้ว มีคุณค่าในระยะเวลาสั้นๆ ทำให้ไม่ได้ช่วยในเรื่องของการเพิ่ม SEO Ranking / Website Traffic หรือเพิ่ม Leads ใหม่ๆ ได้
ตัวอย่างโพสต์จำพวก Tropical Content ก็คือ Content ที่มาไวไปไวอย่างโพสต์อวยพรงานเทศกาลวันสำคัญ หรือการเกาะกระแสอย่างแม่หญิงลี พระมหาเทวีเจ้า / เจน นุ่น โบว์ สร้าง Content ลงสื่อช่องทางของตัวเอง ถึงแม้เนื้อหาประเภทนี้จะไม่ช่วยในเรื่องของ SEO ในระยะยาว แต่ข้อดีของเนื้อหาประเภทนี้ก็คือ ช่วยในเรื่องของการสร้าง Engagement และการสร้างตัวตนภาพลักษณ์ที่บอกว่าเราทันสมัย ไม่เก่า ไม่เอื่อย และทันกระแสอยู่เหมือนกันนะ
ดังนั้นหากถามว่า ‘สรุปแล้วแบรนด์ควรทำเนื้อหาประเภทไหนดี’ เราสามารถทำทั้ง 2 อย่างควบคู่กันไป เพราะมัน Serve คนละ Purpose กัน หรือดูจาก Objective ให้มั่นก่อนว่าเราต้องการอะไร แล้วค่อยลงมือตามนั้น แต่ต้องจำไว้ว่าเนื้อหาประเภทเอเวอร์กรีน นั้นให้ผลในระยะยาว จะใจร้อนไม่ได้ ส่วน Tropical Content ลงโพสต์แล้วจะเห็นผลทันที แถมต้องทำให้ทันกระแสด้วย
Tips ในการทำเนื้อหาประเภท Evergreen และ Tropical
ในส่วนของเนื้อหาประเภทเขียวขจีนั้นให้ลองคำนึงถึง
เรื่อง ‘Basic’ ในอุตสาหกรรมของแบรนด์เรา เช่น ถ้าเป็น Beginner อยากเรียนรู้เรื่องนี้ เค้าจะต้องรู้อะไรบ้าง เช่น หากคุณขายกล้อง ก็ลองดูว่าคนที่เพิ่งเล่นกล้อง หรือเล่นมาสักพักจะอยากรู้เรื่องอะไรเพิ่ม เทคนิคการถ่ายแบบไหน? หรือวิธีการเลือกเลนส์อะไร เป็นต้น FAQ หรือ Frequently Asked Questions ว่าคนส่วนมากชอบถามอะไรแบรนด์เราบ่อยๆ ลองไปคุยกับทีม Admin ที่รับผิดชอบการตอบ LINE หรือ Inbox ดูบ้าง หรือลองใช้ Social Listening ในการ Track ดูว่าคนมีคำถามอะไรเกี่ยวกับเรื่องแบรนด์หรือธุรกิจเราบ้างค่ะ
เรื่องของ How-to ต่างๆ เอามาทำให้หมด อย่ารอช้า ลงทุนตอนนี้เพื่อหวังกินผลในระยะยาว ในส่วนของเนื้อหาประเภท Tropical นั้น เกาะกระแส Trends อยู่ตลอด มีกระแสสังคมอะไรกำลังฮิต กำลังอิน หยิบมาดันแล้วเล่นกับเค้าบ้าง เช่น กระแสเจน นุ่น โบว์ หรือกระแสพระมหาเทวีเจ้า เป็นต้น วันสำคัญ เทศกาล โอกาสพิเศษในแต่ละปี มีอะไรบ้าง ร่างไว้ล่วงหน้าแล้วหยิบมาเล่นดู เพื่อกระตุ้น Engagement แบบวันต่อวัน
สำหรับท่านที่ต้องการทำ แอพ E-Commerce , App ช้อปปิ้ง หรือ แอพ Delivery แล้วล่ะก็ เราขอแนะนำ บริษัท SC-Spark Solution บริษัท รับทำแอป เป็นบริษัทที่รับทำแอพพลิเคชั่น ที่มากประสบการณ์ โดยมีประสบกาณ์โดยตรงจาก Silicon Valley เป็นบริษัทผู้พัฒนาแอปพลิเคชั่นมากกว่า 100 บริษัททั่วโลก ทั้งแบบ Custom และ สำเร็จรูปให้คุณได้เลือกใช้ หากใครสนใจ บริการทำโมบายแอพพลิเคชั่น หรือ เว็บไซต์ สามารถติดต่อได้ที่นี่
ติดต่อเราได้ที่
Facebook : SC-Spark Solution บริการทำแอปพลิเคชั่น
“Nothing is impossible”
ขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก :
Evergreen Content คืออะไร สำคัญยังไงกับ SEO